บอร์ด “ออลล์ อินสไปร์ฯ” อนุมัติปรับแผนระดมทุน ยกเลิกออกใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) เปลี่ยนเป็นออกหุ้นเพิ่มทุน 792.78 ล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด “ECHELON CAPITAL HOLDINGS LIMITED” ไม่เกิน 359.12 ล้านหุ้น พร้อมขายผู้ถือหุ้นเดิม 433.65 ล้านหุ้น ชงผู้ถือหุ้น 7 ส.ค.65 นำเงินใช้หมุนเวียนกิจการ ขยายธุรกิจและคืนหนี้
บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2565 มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3/2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียน 851,879,251.50 บาท จากเดิม 1,856,738,033 บาท เป็น 1,004,858,781.50 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่าย 1,703,758,503 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งเป็นหุ้นจัดสรรไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2565 ซึ่งจะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการยกเลิกการออกเสนอขาย TSR ต่อไป
หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 396,388,921 บาท เป็น 1,401,247,702.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 792,777,842 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับ (1) การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) คือ ECHELON CAPITAL HOLDINGS LIMITED จำนวนไม่เกิน 359,123,129 หุ้น และ (2) ออกเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 433,654,713 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นสามัญเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และเสนอขาย PP
คณะกรรมการบริษัทยังมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3/2565 (Record Date) ใหม่เป็นวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 และเปลี่ยนแปลงกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2565 ใหม่เป็นวันที่ 5 สิงหาคม 2565 และแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบวาระการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามมติคณะกรรมการในครั้งนี้
การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในโครงสร้างทางการเงิน นอกจากนี้บริษัทยังจะใช้เงินในการลงทุนเพื่อขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจ ช่วยเสริมสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทในอนาคต
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปใช้ประกอบธุรกิจของบริษัท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต วงเงิน 500 ล้านบาท ,ชำระคืนหนี้ของบริษัท 200 ล้านบาท และใช้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ 300 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานภายใน 1 ปี
